มารู้จัก IELTS กันเถอะ

ถ้าจะให้เม้าส์กันในหมู่นักเรียนที่กำลังจะไปศึกษาต่อยังต่างประเทศนั้น “IELTS” ดูเหมือนจะเป็นคำที่ไม่ค่อยจะคุ้นหูซักเท่าไหร่ เพราะเมื่อนำไปเทียบกับเจ้ายุทธภพที่ครองตลาดบ้านเรามาช้านานอย่าง “TOFEL” หรือแม้แต่กระทั่ง “TOEIC” ชื่อ “IELTS” ของเรา ก็ดูเหมือนจะเป็นลูกเมียน้อยไปถนัดตา ดังจะเห็นได้จากสถาบันกวดวิชาดังๆหลายๆแห่งในเมืองไทย ที่มักจะเปิดแต่คอร์สกวดวิชาตะลุยโจทย์ TOFEL กันเต็มพรึ่ด! ไปหมด นั่งรถไปทางไหน เปิดวิทยุไปคลื่นไหนก็มีแต่ TOFEL TOFEL และ TOFEL

แล้วไหนละ IELTS??….

ต้องยอมรับครับว่า จะหาที่เรียน IELTS  แต่ละที่ไม่ค่อยจะง่ายเหมือน TOFEL แถมแต่ละที่ ก็ไม่แน่ใจอีกว่าดีหรือเปล่า? เพราะไม่ค่อยจะเป็นที่นิยมกันมากนัก เอาเป็นว่าถ้าพี่ๆน้องๆอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมก็มาติดต่อกับพวกเราทาง EdNET ได้ตลอด จันทร์ถึงเสาร์ นะครับ

สำหรับสาเหตุที่ IELTS ไม่ค่อยจะเป็นที่นิยมนั้นก็น่าจะเนื่องมาจาก

  • ในสมัยก่อน สมัยพระเจ้าตากสิน (เฮ้ย!!!…นานไป )ตลาดไปเรียนต่อยังประเทศ USA เป็นที่นิยมมากๆ และทาง USA นั้น ก็ดั๊นนน (เสียงสูง) ใช้ข้อสอบ TOFEL เลยทำให้ นักเรียนไทยเราแห่ไปเรียนเตรียมสอบ TOFEL กันพรึ่บ!!….และตามหลักเศรษฐศาสตร์เมื่อมี Demand เจ้า Supply ก็ก่อเกิด ตัดกันเป็นกราฟดัง โฉ๊ะ!!!….
  • ก็น่าจะเนื่องมาจากการที่ผลสอบ TOFEL สามารถนำไปใช้สมัครเรียนได้ในทุกประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น USA, CANADA, UK, AUSTRALIA ไม่เว้นแม้แต่การศึกษาต่อในระดับปริญญาโทในเมืองไทยของเราเอง ก็ยังรับผลสอบ TOFEL.ต่างกับกับ IELTS ที่ใช้ได้จำกัดเฉพาะใน อังกฤษและออสเตรเลีย เท่านั้น เห็นมั้ยครับ! แค่เหตุผลสองข้อข้างต้น ก็ทำให้เจ้า IELTS ของเราโดนชกหลังพิงเชือก จะน๊อคแหล่ไม่น๊อคแหล่อยู่แล้วววว….
  • ส่วนสาเหตุประการสุดท้ายก็น่าจะมาจากการที่ IELTS ของเรา ต้องสอบทักษะ Speaking ด้วย (ซึ่ง TOFEL ไม่มี) และทักษะนี้เองก็เป็นทักษะที่คนไทยเรานั้นกลัวกันมากกกกกก (ย้ำว่ามากจริงๆ) ซะด้วยสิ ก็แหม! คนไทยเรานะ Grammar เป็นรองชาติใดซะที่ไหนเล่า กฎทุกกฎท่องจำกันได้หมด ยังกะนกแก้วนกขุนทอง  เผลอๆจะดีกว่าเจ้าของภาษาเองอีกนา (อันนี้เรื่องจริงนะครับ ไม่ได้โม้!!!) แต่พอมีฝรั่งวิ่งเข้ามาพูดด้วยทีไร เผ่นแน๊ป!! สลายตัวแทบไม่ทันทุกที  “นี่แหละมั้งที่เค้าว่า “เก่งแต่ในตำรา”

พล่ามมาซะยาว ไม่ได้เข้าเรื่องซักที แล้วนี่ตกลงทราบกันรึยังครับว่า IELTS มันคืออะไร??

EdNET Magazine ฉบับนี้ เราจะมาทำการเจาะลึก (ไม่ใช่คิดลึก) กันว่าเจ้าข้อสอบที่มีชื่อประหลาดๆอ่านโคตรจะยากอย่าง “IELTS” นั้น มันเป็นอย่างไรกันครับ

IELTS ย่อมาจาก “International Language Test System” อ่านว่า “ไอเอิลส์” (กรุณาทำเสียงให้เหมือนเจ้าของภาษาด้วยนะครับ) ออกแบบขึ้นมาเพื่อใช้ทดสอบทักษะภาษาอังกฤษให้กับพลเมืองชาวโลกตาดำๆที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก

โดยในตัวของข้อสอบ IELTS นั้น ถ้าเราจะลองทำการชำแหละออกเป็นส่วนๆแล้วละก็ จะพบว่าประกอบไปด้วยด่านทดสอบภาษาทั้ง 4 ทักษะ ที่นักเรียนต่างชาติควรจะพึงมี เพื่อความอยู่รอดในการเรียนต่อยังต่างประเทศ อันได้แก่

  1. Listening ฟังหูซ้าย (อย่า) ทะลุหูขวา
  2. Reading สิบปากว่าไม่เท่าตาอ่าน
  3. Writing สิบตาอ่านไม่เท่ามือเขียน
  4. Speaking พูดเป็นลิงหลับ

ซึ่งความยากง่ายของแต่ละ Part จะเป็นยังไงนั้น? ฉบับหน้า เราจะมาทำการชำแหละกันต่อครับ