เรื่องเล่าประสบการณ์การศึกษาต่อในต่างแดน

10 คำถามนักเรียนทุนที่ University of Melbourne

นางสาวภารดี ตรีรัตน์ ได้ทุน Endeavor Awards Scholarship ไปเรียน Master of Music Performance Teaching ที่ University of Melbourne

EdNET: ขอทราบประวัติย่อๆ ของน้องน้ำฝนค่ะPrint

น้องน้ำฝน: ฝนจบจากศิลปากร คณะดุริยางคศาสตร์ เล่นดนตรี คือ ไวโอลิน จบมาก็เป็นนักดนตรีอยู่ในวงออเคสตร้าและเป็นครูสอนดนตรีทั่วไปค่ะ

EdNET: ก่อนตัดสินใจสมัครขอทุน Endeavour Scholarships น้องน้ำฝนรู้จักทุนนี้มาก่อนหรือเปล่าคะ ?

น้องน้ำฝน: ตอนแรกฝนไม่เคยได้ยินทุนนี้มาก่อนเลย จนกระทั่งคุณแม่มาบอกว่าให้ลองเข้าไปดูรายละเอียดว่ามีคุณสมบัติอะไรบ้างที่เขาต้องการ เพราะทุนที่ให้เต็มจำนวนและให้ค่ากินอยู่ด้วยแบบนี้แทบจะไม่มีแล้ว หรือว่าอาจจะมี แต่ฝนไม่รู้ก็เป็นไปได้ พอดูรายละเอียดการรับสมัครและคุณสมบัติต่างๆ ฝนว่าดีมากเลย เพราะเขาให้อิสระมาก คือเปิดให้เราเลือกเรียนสาขาไหนก็ได้ มันอยู่เรามากกว่าว่าเราจะทำอย่างไรให้ทุนนี้และไปเรียนด้านที่เราอยากเรียน

EdNET: ทำไมถึงเลือกเรียนที่ University of Melbourne คะ ?

น้องน้ำฝน: จริงๆ ฝนไม่ได้สนใจว่าจะต้องเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดัง หรืออันดับไหนของโลก จะเล็กหรือจะใหญ่ ฝนไม่ได้สนใจตรงนั้นอยู่แล้ว ฝนสนใจแค่ว่า คอร์สที่จะไปเรียน มันต้องมีประโยชน์กับตัวฝน ไม่ใช่ว่าเรียนในมหาวิทยาลัยดัง แต่ไม่มีคอร์สที่เราต้องการเรียนจริงๆ พอดีว่าที่ University of Melbourne มีคอร์สที่ฝนต้องการเรียนพอดี ซึ่งมีไม่กี่ที่ที่เปิดสอนหลักสูตรนี้ นั่นก็คือหลักสูตร Master of Music Performance Teaching ค่ะ ฝนก็รีบติดต่อ EdNET ให้ดำเนินการสมัครเรื่องเรียนให้ทันที ให้ได้รับ Offer จากมหาวิทยาลัย เพื่อใช้ในการสมัครทุนต่อไปค่ะ

EdNET: หลังจากที่ทำความรู้จักกับทุนและเลือกมหาวิทยาลัยที่ต้องการได้แล้ว น้องฝนเตรียมตัวอย่างไรต่อไปคะ ?

น้องน้ำฝน: คือฝนเคยขอทุนมาแล้วเมื่อปีก่อน แต่ไม่ได้รับการคัดเลือก มาได้ปีที่ 2 ของการสมัครค่ะ ในปีแรกฝนใช้เวลาเตรียมตัวเยอะกว่า เพราะเรายังไม่รู้จักทุนนี้เพียงพอ ฝนก็มีสะเพร่าบ้าง เช่นเอกสารบางอย่างไม่ครบ เอกสารที่ต้องเตรียมก็เยอะมาก แต่จริงๆ เอกสารที่เกี่ยวกับฝนเอง เช่น ทรานส์คริป การขอ Reference การขอ Work Recommendation คือฝนจัดการเองหมด แต่เรื่องที่มีปัญหามากที่สุดสำหรับฝนคือ เรื่องการเขียนใบสมัครออนไลน์ ที่จะมีให้กรอกเป็นหัวข้อ อันนั้นลำบากที่สุด ฝนใช้เวลาเตรียมตัวตั้งแต่วางแผนการสมัครเรียน การเตรียมเอกสารต่างๆ ก็ประมาณ 3 เดือนค่ะ แต่ฝนว่ายิ่งเตรียมตัวนานเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะจะได้มีเวลาเช็คเอกสารด้วย ฝนเคยเจอ Recommendation จากอาจารย์ท่านหนึ่ง พิมพ์ชื่อของฝนผิด ก็ต้องไปให้อาจารย์เขาแก้ให้ ดังนั้นเราต้องเผื่อเวลาด้วย

EdNET: หลังจากยื่นใบสมัครทุนแล้ว น้องฝนคาดหวังมากน้อยแค่ไหนคะ ?

น้องน้ำฝน: คาดหวังมากค่ะ จริงๆฝนคาดหวังกับการสมัครในปีแรกมากกว่านะคะ เพราะเตรียมตัวเยอะมาก สำหรับปีที่ 2 ฝนก็เพิ่งมาเตรียมตัวค่อนข้างกระชั้นชิดเหมือนกัน ฝนอยากเรียนต่อและอยากหาประสบการณ์เพิ่มขึ้น แต่ถ้าไม่ได้ก็คิดว่าจะเรียนต่อในเมืองไทยค่ะ

EdNET: หลังจากได้ทุนรู้สึกอย่างไร แล้วต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนเดินทางคะ ?

น้องน้ำฝน: หลังจากที่รู้ว่าได้ทุน ดีใจมากค่ะ เหมือนเราทำอะไรสำเร็จสักอย่าง ดีใจจริงๆค่ะ หลังจากที่เขาประกาศผู้ที่ได้รับทุน ก็มีการเซ็นเอกสารรับทุน และฝนให้ EdNET ช่วยดำเนินการเรื่องวีซ่าให้ ซึ่งเป็นนักเรียนทุนก็ไม่มีปัญหาเรื่องวีซ่าอยู่แล้วค่ะ หลังจากนั้นฝนก็ได้มีโอกาสเข้าไปรับประกาศนียบัตรที่สถานฑูตค่ะ

EdNET: น้องฝนคิดว่า ทำไมเราถึงได้รับการคัดเลือกให้ได้รบทุน Endeavor Scholarships ?

น้องน้ำฝน: ฝนคิดว่า ไม่ใช่ว่าเราจะเก่งกว่าใครนะคะ มันขึ้นอยู่ที่ว่า เราจะทำให้เรามีจุดเด่นให้คนอื่นเห็นคุณค่าในตัวเราในด้านนั้นๆมากกว่า อย่างบางคนคิดว่าฉันเรียนสาขาธุรกิจ เลยคิดว่าฉันคงไม่ได้ทุนแน่นอน เพราะคิดว่าสาขาของฉัน ใครๆก็เรียนกัน ฝนว่ามันอยู่ที่มุมมองของเรามากกว่าว่า เราจะทำใบสมัครของเราให้คนที่พิจารณา สนใจเราได้อย่างไร คนนี้มีความคิดที่จะกลับมาพัฒนาประเทศ หรือเปลี่ยนแปลงโลกได้อย่างไร มันอาจจะไม่ถึงเปลี่ยนโลกนี้ได้ ฝนเชื่อว่าถ้าเราชี้ให้เขาเห็นได้ว่า เราจะไปทำอะไรที่มีผลกระทบที่ดีในสังคมมากขึ้น ฝนคิดว่าเป็นจุดสำคัญ ในกรณีของฝนที่ฝนเลือกมาเรียนการสอนดนตรี เพราะว่าฝนคิดว่าความรู้ของตัวเองยังอยู่ในกรอบ ยังไม่สามารถพัฒนาตัวเองไปได้สูงสุด มีอะไรหลายอย่างที่ฝนยังไม่รู้และฝนอยากรู้ เพราะฝนต้องการกลับไปสอนเด็ก ทำให้เด็กเล่นดนตรีได้ดีกว่าเรา อยากจะทำให้ดนตรีในเมืองไทยพัฒนาไปได้มากกว่านี้ แต่ไม่ใช่ว่าฝนจะต้องเล่นดนตรีเก่งที่สุดในประเทศ แต่ฝนอยากเป็นครูที่ดี ให้เด็กบ้านเราได้มีโอกาสชอบและเล่นดนตรีมากขึ้น

EdNET: ความรู้สึกวันแรกที่ได้เข้าไปเป็นนักศึกษาที่ University of Melbourne เป็นยังไงคะ เหมือนอย่างที่คิดไว้หรือเปล่า ?

น้องน้ำฝน: ก่อนเปิดเทอม ฝนวุ่นวายเรื่องการหาบ้านมาก ถ้าใครไปเรียนแบบปกติ ฝนก็จะแนะนำเรื่องการหาที่พักดีๆไปเลย เพราะเป็นเรื่องสำคัญมากค่ะ ส่วนวันแรกในวัน Open Day ด้วยความที่ University of Melbourne เป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่มาก มีหลายคณะ คนเยอะมาก ไปวันแรกก็เอ๋อๆเหมือนกันว่าอะไรอยู่ที่ไหน เพราะว่าฝนเดินหาเองหมด ปกติเขาจะมีคนนำทัวร์ แต่อันนั้นมันเหมาะสำหรับเด็กปริญญาตรีมากกว่า แต่ฝนเป็นเด็กปริญญาโทจึงต้องดูแลตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นห้องเรียน ห้องสมุด ห้องอาจารย์ ถ้าเราไม่รู้ก็แค่ถามคนอื่นค่ะ

EdNET: ระบบการเรียนที่นั่นต่างจากที่น้องน้ำฝนเคยเรียนที่เมืองไทยไหม มีการวางแผนและการปรับตัวอย่างไร

น้องน้ำฝน: ปกติฝนเรียนที่เมืองไทย ฝนว่าเราไม่ต้องพยายามดันตัวเองให้ไปถึงที่สุด  ฝนว่าฝนเองมีพื้นฐานดีพอสมควร ไม่ได้รู้สึกว่าเรียนลำบากเลย เลยคิดว่า การเรียนที่เมืองไทยสบายๆกว่า แต่ว่าฝนไม่ใช่เด็กขี้เกียจนะคะ ฝนก็อ่านหนังสือ เพียงแต่ว่าก็ยังมีเวลาไปเที่ยว ไปกินข้าว ไปทำนู่นนี่นั่นได้ แต่พอมาเรียนที่นี่มันยากมาก จากที่เป็นเด็กเรียนเก่ง ฝนกลายเป็นเด็กธรรมดาไปเลย อีกอย่างหนึ่งคือ ระบบการเรียนและคอร์สเรียนมันต่างกันมาก จากที่อยู่เมืองไทยฝนทำ ฝนเล่นอย่างเดียว เราไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่มาอยู่ที่นี่ฝนต้องคิด เขียนเยอะ วิเคราะห์มากขึ้น ตรงนี้ก็เลยเป็นจุดเปลี่ยนของการเรียนและการใช้ชีวิตที่นี่ คือต้องปรับตัวเยอะค่ะ

EdNET: สุดท้ายอยากให้น้องน้ำฝนฝากถึงรุ่นน้องที่สนใจสมัครทุน Endeavour Scholarships ค่ะ 🙂

น้องน้ำฝน: อย่างแรกคือการเขียน application เขียนอย่างไรให้คนอื่นเข้ามองว่าเรามีศักยภาพในสิ่งที่เราจะมาเรียน และถ้าได้รับทุนแล้ว เตรียมตัวให้ดี เพราะการเรียนที่นี่ไม่ง่ายเลย ฝนเสียน้ำตามาเยอะกับการเรียน แต่ในเมื่อเข้าให้ทุนเราแล้ว เราต้องพิสูจน์ให้เขาเห็นว่า เรามีศักยภาพเพียงพอและเราเหมาะสมกับทุนนี้ สุดท้ายฝนเชื่อว่า ถ้าเราทำดีที่สุดแล้ว เราก็จะไม่เสียใจกับผลที่ออกมาค่ะ

fon001