ติดขัดแบบมีเทคนิค

จากฉบับที่แล้วผมแนะนำให้ฝึกคิดเป็นภาษาอังกฤษเพื่อความคล่องแคล่วในการสื่อสารภาษาอังกฤษ รวมไปถึงการฝึกพูดฝึกฟังบ่อยๆเพื่อให้มัน “ซึม” เข้าไปในสมอง แต่เชื่อเหลือเกินครับว่า หลายๆคนอาจจะคิดว่ามันเป็นอุปสรรค คือฟังเหมือนง่าย แต่ทำยาก เพราะในชีวิตประจำวันของเรานั้นมันไม่ได้แวดล้อมไปด้วยฝรั่งซะกะหน่อย (ถ้าเป็นผลไม้ละพอมี หาได้ตามตลาดและสวนทั่วไป ) ดังนั้นเราจะหันไปคุยกับใครกันดีละ?

ในเมื่อไม่มีใครจะคุยด้วย เพราะหาฝรั่งไม่ได้ หรือถ้าจะลองไปพ่นอังกฤษใส่เพื่อนๆน้องๆ ที่บ้าน ก็เดี๋ยวจะหาว่า “บ้า” ผมเลยอยากจะให้ลองใช้ วิธี “พูดในใจ” ดูดีมั้ยครับ

“พูดในใจ” หรือจะให้เรียกอีกอย่างก็คือ “พูดกับตัวเอง” นั้น จากประสบการณ์ที่ผมได้ลองใช้มา มันจะช่วยให้เราฝึกคิดเป็นภาษอังกฤษได้ เพราะประโยคที่เราคิดมันจะอยู่ในสมอง โดยเราต้องเริ่มสมมุติเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในหัวของเรา และเราก็ลองคิดดูว่าถ้าเราเจอเหตุหารณ์แบบนี้ เราจะพูดแบบนี้ แล้วพอฝ่ายตรงข้ามตอบกลับมาเราจะพูดยังไง

เรียกว่าต้องเพิ่มจินตนาการเข้าไป สมมุติเหตุการณ์ต่างๆเพื่อฝึกฝนให้กับตัวเองครับ ซึ่งเราอาจจะทำที่ไหนก็ได้ เช่น นั่งๆหรือยืนๆโหนรถเมลล์อยู่ แทนที่เราจะเอาเวลาเหล่านี้ไปฟังเพลงหรือนั่งหลับน้ำลายยืด เราน่าที่จะลองคิดโน่นคิดนี่เป็นภาษาอังกฤษดูนะครับ อ้อ…และถ้าไม่มีใครอยู่ด้วยแล้วละก็ จะลองพึมพำออกมาเบาๆก็ไม่มีปัญหานะครับ

อีกอย่างก็คือ เวลาเราเจออะไรรอบๆตัวแทนที่เราจะคิดเป็นภาษาไทย ก็อยากให้ลองเปลี่ยนมาคิดเป็นภาษาอังกฤษ ดูนะครับ เช่น เจอเก้าอี้ ก็คิดในใจว่า Chair! เจอรถแล่นผ่าน ก็คิดในใจว่า Car! หรือถ้าเจอผมก็…Handsome! ฮ่าๆๆๆๆ…

นอกจากนี้ผมยังมี Trick ให้เพื่อนๆเวลาที่พูดไปแล้วเกิดติดขัดและนึกอะไรไม่ออก ว่าเราควรจะทำยังไงดีหว่า เพื่อไม่ให้เสียคะแนน แน่นอนครับว่าการนั่งอึ้ง ทำตาลอยฟ้า หรือไม่สบตากับ Examiner พฤติกรรมเหล่านี้ถือว่าเสี่ยงมากๆต่อการที่จะโดนประหารหรือตัดแต้มได้ครับ ดังนั้นผมจะลองแนะนำวิธีที่จะทำให้การติดขัดเป็นในแบบที่ธรรมชาติที่สุ เพื่อไม่ให้เสียคะแนนนะครับ กล่าวคือ ลองนึกตัวอย่างเวลาเราพูดภาษาไทยแล้วติดขัดสิครับ เราจะพูดว่าอะไร…เอ่ออออ….อืมมมมม….อ่า…..ใช่มั้ยครับ !

นั่นแหละครับ ฝรั่งเองก็เช่นกัน เพียงแต่เราอาจจะต้องกระแดะ! คือเปลี่ยนสำเนียงนิดหน่อยครับเป็น hmmmm หรือ Errrrr หรือ huhhh  นอกจากนี้ ก็ยังมีคำอีกหลายๆคำ ที่ฝรั่งเค้าจะพูดกัน อย่างเช่นเวลาเราดูหนังก็ลองสังเกตดูนะครับว่าจะมีคำอย่างเช่น Well…. หรือ you know…. อะไรแบบนี้เป็นต้น พร้อมกันนี้เรา ต้องทำใบหน้าและแววตาของเราให้เป็นธรรมชาติที่สุด เพื่อเค้าจะได้ไม่รู้สึกว่า เรากำลังเจอปัญหาพูดไม่ออกอยุ่ยังไงละครับ เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับเทคนิคในฉบับนี้ เพื่อนๆคนไหนใครมีเทคนิคอื่นๆ หรือคิดคำไหนที่น่าจะพอใช้ได้ ได้อีกก็อย่าลืมเอามา Share กันได้นะครับ

สำหรับฉบับหน้า ก็คงจะเป็นตอนสุดท้ายสำหรับ IELTS แล้ว ยังไงอย่างลืมติดตามบทส่งท้ายกันนะครับ